กว่า 3 ปี นับตั้งแต่ Aventador ได้ถือกำเนิดขึ้น ก็จะมีรุ่นพิเศษไล่เรียงกันออกมากันอย่างต่อเนื่อง มาวันนี้ถึงคราวเปิดตัวกระทิงตัวล่าสุด Lamborghini Aventador Superveloce 2015 ( แลมโบกินี อเวนทาดอร์ ซุปเปอร์วิโลเซ่ 2015 ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “SV” ที่มุ่งเน้นเรื่องการรีดน้ำหนัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแรงเหมือนดังซุปเปอร์คาร์ค่ายอื่นๆ
ลดน้ำหนัก เพิ่มความแรง Lamborghini Aventador Superveloce 2015
ในโฉม SV ได้มีการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์โดยจัดชุดแต่ง แอโร คิทส์ รอบคัน อาทิเช่น ลิ้นด้านหน้ายื่นยาว ดักอากาศให้ไหลผ่านเข้าสู่ด้านหน้าได้สะดวกขึ้น เสกิร์ตข้างออกแบบให้มีรูปทรงแนบกับพื้นถนน เพิ่มแรงกดด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ควบคุมอากาศด้านท้ายด้วยดิฟฟิวเซอร์ และตะแกรงที่ออกแบบมาให้ความร้อนไหลออกอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
Aventador SV มีการรีดน้ำหนักออก 110 ปอนด์ เห็นได้ชัดจากการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ แทนแผงประตูเดิม ล้อน้ำหนักเบา บวกกับมาตรการลดน้ำหนักทั่วไป รวมไปถึงวัสดุตกแต่งห้องโดยสารภายใน
ปีกคาร์บอนไฟเบอร์งามๆ
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยการดีไซน์ลวดลายให้สอดค้องกับสีรถภายนอก ใช้โครงสร้างแบบโมโนค๊อก ( Monocoque ) ที่มีความเบา และแข็งแกร่ง ตกแต่งด้วยวัสดุแบบใหม่ที่เรียกว่าคาร์บอน สกิน “Carbon Skin” ที่เป็นรูปแบบของคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีความนุ่มน่าสัมผัสแต่ยังมีคงทนอยู่
ล้อดีไซน์บางเฉียบ
ใต้ฝากระโปรงท้ายของ Aventador SV เป็นรหัส V12 ความจุ 6.5 ลิตร รุ่นเดียวกันกับรุ่นมาตรฐาน ต่างกันที่มีการปรับจูนให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 39 ตัว รวมเป็น 740 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดยังคงเดิมที่ 509 ปอนด์/ฟุต ส่งกำลังลงล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์แบบ ISR automated-manual 7 สปีด
การตกแต่งภายในของ Aventador SV
สำหรับความแรงจะเร็วรุ่นมาตรฐานนิดหน่อย โดยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของกระทิงดุตัวนี้จะอยู่ที่ราวๆ 350 กม./ชม.ครับ
ภายในสปอร์ตดุดัน ตามสไตล์กระทิง
ทั้งนี้ยังมีโหมดการขับขี่มาให้ 3 ระดับ ได้แก่ Strada การขับขี่ทั่วไป, Sport เน้นความเร็วขึ้นมาอีกหน่อย และ Corsa เอาไว้ปลดปล่อยกำลังทั้งหมดที่มีของกระทิงดุ หรือโหมดที่ใช้ในสนามแข่งนั่นเอง
ขุมกำลัง V12 จูนกำลัง 740 แรงม้า
ส่วนราคา Aventador SV ร้อนแรงตามรถเช่นกัน ซึ่งมันจะอยู่ที่ 327,120 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 10.6 ล้านบาท บวกภาษีความแรง และค่าอื่นๆ รวมแล้วคงไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท!
ที่มา : https://www.thaicarlover.com/